แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 43
1
หมอออนไลน์: ไข้หวัด (Common cold/Upper respiratory tract infection/URI)

ไข้หวัด เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ บางคนอาจเป็นปีละหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กที่เพิ่งฝากเลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็ก และเด็กที่เพิ่งเข้าโรงเรียนในปีแรก ๆ จะติดเชื้อจากเพื่อนในห้องป่วยเป็นไข้หวัดได้บ่อยมาก

โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ง่ายโดยการอยู่ใกล้ชิดกัน จึงพบเป็นกันมากตามโรงเรียน โรงงาน และที่ที่มีคนอยู่รวมกลุ่มกันมาก ๆ และพบได้ตลอดทั้งปี มักจะพบมากในช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว หรือในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง

ไข้หวัดจัดว่าเป็นโรคที่ประชาชนสามารถดูแลตนเองได้ เนื่องเพราะมักมีอาการไม่รุนแรง และหายได้เองเป็นส่วนใหญ่ด้วยการปฏิบัติตัวและการรักษาตามอาการ

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อหวัด ซึ่งเป็นไวรัส (virus) มีอยู่มากกว่า 200 ชนิดจากกลุ่มไวรัสหลายกลุ่มด้วยกัน กลุ่มไวรัสที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มไวรัสไรโน (rhinovirus) ซึ่งมีมากกว่า 100 ชนิด นอกนั้นก็มีกลุ่มไวรัสโคโรนา (coronavirus) กลุ่มไวรัสอะดีโน (adenovirus) กลุ่มอาร์เอสวี (respiratory syncytial virus/RSV) กลุ่มไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (parainfluenza virus) กลุ่มเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus) กลุ่มไวรัสเอนเทอโร (enterovirus) กลุ่มเชื้อเริม (herpes simplex virus) เป็นต้น แต่ละกลุ่มจะมีสายพันธุ์ย่อยหลายสายพันธุ์ เช่น ไวรัสโคโรนา มีสายพันธุ์เก่า 4 สายพันธุ์ ถึงปี 2563 มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น 3 สายพันธุ์ รวมทั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคโควิด-19

การเกิดโรคขึ้นในแต่ละครั้งจะเกิดจากเชื้อหวัดเพียงชนิดเดียว เมื่อเป็นแล้วร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหวัดชนิดนั้น ในการเจ็บป่วยครั้งใหม่ก็จะเกิดจากเชื้อหวัดชนิดใหม่ หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหวัดชนิดต่าง ๆ มากขึ้น ก็จะป่วยเป็นไข้หวัดห่างขึ้น และมีอาการรุนแรงน้อยลงไป

เชื้อหวัดมีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรด เนื่องจากเป็นฝอยละอองที่มีขนาดใหญ่ (มากกว่า 5 ไมครอน) จึงกระจายออกไปได้ไม่ไกล คือภายในระยะไม่เกิน 1 เมตร จัดว่าเป็นการแพร่กระจายทางละอองเสมหะ (droplet transmission)

นอกจากนี้ เชื้อหวัดยังอาจติดต่อโดยการสัมผัส กล่าวคือ เชื้อหวัดอาจติดที่มือของผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จาน ชาม ของเล่น หนังสือ โทรศัพท์ เป็นต้น) หรือสิ่งแวดล้อมที่เปื้อนถูกฝอยละอองของผู้ป่วย เมื่อคนปกติสัมผัสถูกมือของผู้ป่วยหรือสิ่งของเครื่องใช้ หรือสิ่งแวดล้อมที่แปดเปื้อนเชื้อหวัด เชื้อหวัดก็จะติดมือของคน ๆ นั้น และเมื่อใช้นิ้วมือขยี้ตาหรือแคะจมูก เชื้อก็จะเข้าสู่ร่างกายของคน ๆ นั้นจนกลายเป็นไข้หวัดได้

ระยะฟักตัว (ระยะตั้งแต่ผู้ป่วยรับเชื้อเข้าไปจนกระทั่งมีอาการเกิดขึ้น) 1-3 วัน

อาการ

มีไข้เป็นพัก ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหนักศีรษะเล็กน้อย คอแห้งหรือเจ็บคอเล็กน้อย คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล ซึ่งมักจะมีน้ำมูกมากใน 2-3 วันแรก

น้ำมูกมีลักษณะใส บางรายหลังมีน้ำมูกใสได้ 2-3 วันน้ำมูกอาจมีลักษณะข้นขาว หรือเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว ซึ่งมักพบในช่วงหลังตื่นนอนตอนเช้า เนื่องจากเป็นน้ำมูกที่ค้างอยู่ในจมูกเป็นเวลานาน ตอนสาย ๆ ก็มักจะกลับกลายเป็นใส

ต่อมาอาจมีอาการไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะเล็กน้อย ลักษณะสีขาว บางครั้งอาจทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณลิ้นปี่เวลาไอ ในเด็กเล็กอาจมีอาการอาเจียนเวลาไอ

ในผู้ใหญ่อาจไม่มีไข้ มีเพียงคัดจมูก น้ำมูกไหล

ในเด็กมักจับไข้ขึ้นมาทันทีทันใด บางครั้งอาจมีไข้สูงและชัก ในทารกอาจมีอาการอาเจียน หรือท้องเดินร่วมด้วย

ในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีไข้ติดต่อกันนานเกิน 4 วัน หรือมีอาการเป็นหวัด น้ำมูกไหล ติดต่อกันนานเกิน 10 วัน

ภาวะแทรกซ้อน

มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ทำให้มีไข้ หรือเป็นหวัดเรื้อรังนานกว่าปกติ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ดังนี้

    หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน มักพบในเด็กเล็กมากกว่าผู้ใหญ่ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดหูมาก ในทารกจะมีอาการร้องงอแง เอามือดึงใบหูตัวเอง
    ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน มีอาการไข้ ปวดหน่วง ๆ ที่หน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม มักมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียวมีกลิ่นเหม็น
    ทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน มีอาการเจ็บคอมาก กลืนลำบาก ตรวจพบทอนซิลบวมแดง เป็นหนอง
    กล่องเสียงอักเสบ มีอาการเสียงแหบ
    หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน มีอาการไอบ่อย มีเสลดที่ขึ้นมาจากหลอดลม
    หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน มีอาการวิงเวียน เห็นบ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน
    โรคหืดกำเริบ มีอาการหายใจหอบ หายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ
    ปอดอักเสบ มีไข้สูง หนาวสั่น เจ็บหน้าอก หายใจหอบ หรือหายใจเร็ว

โรคแทรกซ้อนที่รุนแรงมักเกิดในผู้ป่วยที่ไม่ได้พักผ่อน ตรากตรำงานหนัก ร่างกายอ่อนแอ (เช่น ขาดอาหาร เป็นต้น) ในทารก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมีสิ่งตรวจพบดังนี้

มักตรวจพบไข้ น้ำมูก เยื่อจมูกบวมและแดง คอแดงเล็กน้อย ในเด็กอาจพบทอนซิลโต แต่ไม่แดงมากและไม่มีหนอง

ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนหรือสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น (เช่น ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 ไข้เลือดออก) แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด นำน้ำมูกหรือเสมหะไปตรวจหาเชื้อ เอกซเรย์ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ให้ยารักษาตามอาการ ดังนี้

(1.1) สำหรับผู้ใหญ่ และเด็กอายุมากกว่า 6 ปี

    ถ้ามีไข้ ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล
    ถ้ามีอาการน้ำมูกไหล ใช้กระดาษทิชชูเช็ดออก ไม่จำเป็นต้องใช้ยา ยกเว้นในรายที่มีน้ำมูกมากหรือจามมากจนทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวก รู้สึกเหนื่อย หรือไม่สุขสบายอย่างมาก ให้กินยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน บรรเทาอาการเท่าที่จำเป็น โดยให้กินครั้งละ ½-1 เม็ด ถ้าไม่ทุเลาซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง ถ้าทุเลาแล้วให้หยุดยา*
    ถ้ามีอาการไอ จิบน้ำอุ่น น้ำมะนาว หรือน้ำขิงอุ่น ๆ หรือจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว** (น้ำผึ้ง 4 ส่วน น้ำมะนาว 1 ส่วน) บ่อย ๆ ถ้าไอมากลักษณะไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ ให้ยาระงับการไอ

(1.2) สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี

    ถ้ามีไข้ ให้พาราเซตามอลชนิดน้ำเชื่อม
    ถ้ามีน้ำมูกมาก ให้ใช้ลูกยางเบอร์ 2 ดูดน้ำมูกออกบ่อย ๆ (ถ้าน้ำมูกข้นเหนียว ควรใช้น้ำเกลือหยอดในจมูกก่อน) หรือใช้กระดาษทิชชูพันเป็นแท่ง สอดเข้าไปเช็ดน้ำมูก (ถ้าน้ำมูกข้นเหนียว ควรชุบน้ำสุก หรือน้ำเกลือพอชุ่มก่อน) แพทย์จะไม่ให้ยาแก้แพ้ลดน้ำมูก เนื่องเพราะมีผลเสีย (ผลข้างเคียงจากยา) มากกว่าประโยชน์ในการรักษาโรค
    ถ้ามีอาการไอ จิบน้ำอุ่นมาก ๆ หรือจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว** ถ้ามีอาการอาเจียนเวลาไอ ไม่จำเป็นต้องให้ยาแก้อาเจียน แนะนำให้ป้อนนมและอาหารทีละน้อย แต่บ่อยครั้งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจะเข้านอน

2. ยาปฏิชีวนะไม่จำเป็นต้องให้ เพราะนอกจากไม่ได้มีผลต่อการฆ่าเชื้อหวัดซึ่งเป็นไวรัส ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่างตามมาได้

แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น อะม็อกซีซิลลิน, โคอะม็อกซิคลาฟ, อีริโทรไมซิน, ร็อกซิโทรไมซิน เป็นต้น) ในรายที่มีอาการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เป็นต้น

3. ถ้าไอมีเสมหะเหนียว ให้งดยาแก้แพ้ลดน้ำมูกและยาระงับการไอ และให้ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร)

4. ถ้ามีอาการหอบ หรือนับการหายใจได้เร็วกว่าปกติ (เด็ก อายุ 0-2 เดือนหายใจมากกว่า 60 ครั้ง/นาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ปีหายใจมากกว่า 50 ครั้ง/นาที อายุ 1-5 ปีหายใจมากกว่า 40 ครั้ง/นาที) หรือมีไข้นานเกิน 4 วัน อาจเป็นปอดอักเสบหรือภาวะรุนแรงอื่น ๆ ได้ อาจต้องเอกซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ เป็นต้น แล้วทำการรักษาตามสาเหตุที่พบ

5. ถ้าสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด-19 แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อในจมูกหรือคอหอย และให้การดูแลรักษาตามสาเหตุที่พบ

6. ถ้าสงสัยเป็นไข้หวัดนก เช่น มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายภายใน 7 วัน หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้หวัดนกภายใน 14 วัน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ถ้าเป็นจริงก็จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ให้การรักษาตามอาการ มักหายได้ภายใน 7-10 วัน ส่วนน้อยที่อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งเมื่อให้ยาปฏิชีวนะรักษาก็หายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ มีน้อยรายที่อาจเป็นปอดอักเสบ ซึ่งจำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล

*ยาแก้แพ้มีฤทธิ์ในการลดน้ำมูกในผู้ที่เป็นไข้หวัด ใช้เพียงเพื่อบรรเทาอาการให้สุขสบายเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้โรคหายเร็วขึ้น เนื่องจากยานี้อาจมีผลข้างเคียงได้หลายอย่าง จึงควรใช้บรรเทาอาการเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี (นอกจากไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการแล้ว ยังอาจเกิดโทษได้อีกด้วย) ผู้ที่เป็นต้อหิน โรคลมชัก โรคหืด หรือต่อมลูกหมากโต (มีอาการปัสสาวะลำบาก) ก็ไม่ควรใช้ยานี้เพราะอาจมีผลข้างเคียงทำให้โรคเหล่านี้กำเริบได้

**ควรหลีกเลี่ยงการให้น้ำผึ้งแก่ทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี เพื่อป้องกันการเกิดโรคโบทูลิซึม

การดูแลตนเอง

1. ถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งมั่นใจว่าเป็นไข้หวัดที่ไม่รุนแรง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    พักผ่อนมาก ๆ ห้ามตรากตรำงานหนักหรือออกกำลังกายมากเกินไป
    สวมใส่เสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น อย่าถูกฝน หรือถูกอากาศเย็นจัด และอย่าอาบน้ำเย็น
    ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยลดไข้ และทดแทนน้ำที่เสียไปเนื่องจากไข้สูง
    ควรกินอาหารอ่อน น้ำข้าว น้ำหวาน น้ำส้ม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มร้อน ๆ
    ใช้ผ้าชุบน้ำ (ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำก๊อกธรรมดา อย่าใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็ง) เช็ดตัวเวลามีไข้สูง
    งดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่
    ถ้ามีไข้สูง กินยาลดไข้-พาราเซตามอล (ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม)
    ถ้ามีน้ำมูกมาก สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ให้ใช้ลูกยางดูด หรือใช้กระดาษเช็ดออก

สำหรับผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 6 ปี ใช้กระดาษเช็ดออก ถ้ามีน้ำมูกมากหรือจามมากจนทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวก รู้สึกเหนื่อย หรือไม่สุขสบายอย่างมาก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงความจำเป็นและความปลอดภัยในการใช้ยาแก้แพ้ลดน้ำมูกบรรเทาอาการ

    ถ้าไอเล็กน้อย ให้จิบน้ำอุ่น น้ำมะนาว หรือน้ำขิงอุ่น ๆ บ่อย ๆ ถ้าไอมาก ให้จิบน้ำผึ้งผสมมะนาว (ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี) หรือยาแก้ไอมะขามป้อม หรืออมยาอมมะแว้ง (ยกเว้นเด็กเล็ก) ถ้าไอมีเสมหะเหนียว ควรดื่มน้ำมาก ๆ
    ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
    -    พบอาการไข้หรือไข้หวัดในทารกอายุต่ำกว่า 3 เดือน
    -    ทารกมีไข้ ร่วมกับร้องกวนงอแงมาก หรือเอามือดึงใบหูตัวเอง หรือมีไข้ขึ้นสูงกว่าวันแรก ๆ
    -    มีไข้สูงตลอดเวลา หรือมีไข้เป็นพัก ๆ ทุกวันติดต่อกันนานเกิน 4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย หรือหลังจากไข้หายแล้วไม่นานกลับมีไข้กำเริบใหม่
    -    ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ปวดเมื่อยตามตัวมาก นอนซม หรือซึมมาก
    -    ปวดหูมาก เจ็บหน้าอกมาก เจ็บคอมาก กลืนลำบาก หรือกินอาหารหรือดื่มน้ำได้น้อย
    -    มีอาการปวดและกดเจ็บที่หน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม
    -    มีน้ำมูกหรือเสมหะเหลืองหรือเขียว และมีกลิ่นเหม็น
    -    หายใจหอบ หรือเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีหายใจเร็วกว่าปกติ (เด็กอายุ 0-2 เดือนหายใจมากกว่า 60 ครั้ง/นาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ปีหายใจมากกว่า 50 ครั้ง/นาที อายุ 1-5 ปีหายใจมากกว่า 40 ครั้ง/นาที)
    -    มีอาการหอบหืดกำเริบ หรือหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ
    -    มีอาการเป็นหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นเวลานานเกิน 10 วัน
    -    มีอาการไอนานเกิน 14 วัน หรือไอมีเสลดข้นเหลืองหรือเขียว
    -    มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด
    -    สงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก โรคโควิด-19 ไข้เลือดออก หรือไข้จากสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ
    -    มีประวัติการแพ้ยา หรือหลังกินยามีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    -    มีความวิตกกังวลหรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

2. ถ้าสงสัยว่ามีอาการรุนแรง หรือไม่มั่นใจที่ดูแลตนเองตั้งแต่แรก ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัด ควรดูแลตนเองดังนี้

    กินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
    -    หายใจหอบ/หายใจมีเสียงดังวี้ด หรือเจ็บหน้าอกมาก
    -    ไอเป็นเลือด หรือน้ำหนักลด
    -    ปวดหูมาก เจ็บหน้าอกมาก เจ็บคอมาก กลืนลำบาก หรือกินอาหารหรือดื่มน้ำได้น้อย
    -    มีอาการปวดและกดเจ็บตรงหน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม
    -    มีน้ำมูกหรือเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว และมีกลิ่นเหม็น
    -    มีอาการไข้นานเกิน 4 วัน มีน้ำมูกนานเกิน 10 วัน ไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว หรือไอนานเกิน 14 วัน
    -    ในกรณีที่แพทย์ให้กินยาปฏิชีวนะ ถ้ากินไป 4 วันยังไม่ทุเลา หรือทำยาหาย
    -    มีอาการที่สงสัยว่าแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน เป็นต้น

การป้องกัน

1. หมั่นดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าตรากตรำงานหนักเกินไป ระวังรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ควรอาบน้ำหรือสระผมด้วยน้ำที่เย็นเกินไป โดยเฉพาะในเวลาที่มีอากาศเย็น

2. ในช่วงที่มีการระบาดของโรคนี้ หรือมีคนใกล้ชิดป่วยเป็นไข้หวัด ควรปฏิบัติดังนี้

    ในช่วงที่มีการระบาด ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น สถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า งานมหรสพ เป็นต้น ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจติดมาจากการสัมผัสถูกเสมหะผู้ป่วย และอย่าใช้นิ้วมือขยี้ตาหรือแคะไชจมูก
    อย่าเข้าใกล้หรือนอนรวมกับผู้ป่วย ถ้าจำเป็นต้องดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ควรสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
    อย่าใช้สิ่งของเครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ เครื่องใช้ โทรศัพท์ ของเล่น เป็นต้น) ร่วมกับผู้ป่วย และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสมือผู้ป่วย
    ผู้ป่วยควรแยกตัวออกห่างจากผู้อื่น อย่านอนปะปนหรือคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น เวลาไอหรือจามควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก เวลาเข้าไปในที่ที่มีคนอยู่กันมาก ๆ ควรสวมหน้ากากอนามัย

ข้อแนะนำ

1. ในปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาและป้องกันไข้หวัดอย่างได้ผล การรักษาอยู่ที่การพักผ่อนและการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ยาที่ใช้ก็เป็นเพียงยาที่รักษาตามอาการเท่านั้น

ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดจากไวรัสส่วนใหญ่มักจะหายได้เองด้วยกลไกธรรมชาติของร่างกาย และหายตามระยะของโรค โดยทั่วไป อาการตัวร้อนมักจะเป็นอยู่ประมาณ 3-4 วัน และอาการเป็นหวัด น้ำมูกไหลมักเป็นอยู่นาน 7-10 วัน ถ้ามีไข้เกิน 4 วัน หรือเป็นหวัดน้ำมูกไหลเกิน 10 วัน มักแสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน หรืออาจเกิดจากโรคอื่น ๆ

ผู้ป่วยบางรายถึงแม้จะหายตัวร้อนแล้ว แต่ก็อาจมีน้ำมูกและไอต่อไปได้ บางรายอาจไอโครก ๆ อยู่เรื่อย อาจนานถึง 7-8 สัปดาห์ เนื่องจากเยื่อบุทางเดินหายใจถูกทำลายชั่วคราว ทำให้ไวต่อสิ่งระคายเคือง (เช่น ฝุ่น ควัน) มักจะเป็นลักษณะไอแห้ง ๆ หรือมีเสมหะเล็กน้อยเป็นสีขาว ถ้าพบว่าผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยก็ไม่ต้องให้ยาอะไรทั้งสิ้น ให้ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ (ควรงดดื่มน้ำเย็น ถ้าดื่มแล้วทำให้ไอมากขึ้น)

2. ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ (ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเข้าใจว่าเป็นยาแก้อักเสบ) แก่ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดทุกราย ยกเว้นในรายที่แพทย์วินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียที่จำเป็นต้องใช้ยาชนิดนี้เท่านั้น

การใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับไข้หวัดจากไวรัสไม่ได้ช่วยให้โรคหายไว หรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมา ที่สำคัญ การใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อเกินจำเป็น อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง (เช่น ท้องเดิน จุกแน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปากเปื่อย ลิ้นเปื่อย) แพ้ยา และอาจก่อโทษต่อร่างกาย เช่น ทำให้เชื้อโรคดื้อยา ทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกาย ทำให้มีการติดเชื้อแทรกซ้อน (เช่น ลิ้นเป็นโรคเชื้อรา ตกขาวจากเชื้อรา โรคท้องเดินชนิดรุนแรง เป็นต้น)

3. ผู้ที่เป็นไข้หวัด (ซึ่งมีอาการตัวร้อนร่วมด้วย) เรื้อรังหรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย อาจมีสาเหตุอื่นร่วมด้วย เช่น โรคหัวใจรั่วมาแต่กำเนิด ทาลัสซีเมีย โรคโลหิตจางอะพลาสติก โรคขาดอาหาร เป็นต้น จึงควรตรวจดูว่ามีสาเหตุเหล่านี้ร่วมด้วยหรือไม่

นอกจากนี้ยังเกิดจากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งอาจเกิดจากการนอนหลับพักผ่อนไม่พอ มีจิตใจเครียด หรือขาดการออกกำลังกาย หากพบว่าเกิดจากสิ่งเหล่านี้ ก็ควรแก้ไขให้ร่างกายแข็งแรง

4. เด็กเล็กที่เพิ่งฝากเลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือเข้าโรงเรียนในช่วง 3-4 เดือนแรก อาจเป็นไข้หวัดได้บ่อย เพราะติดเชื้อหวัดหลากชนิดจากเด็กคนอื่น ๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเรื่อย ๆ

เด็กที่เป็นไข้หวัดบ่อย แพทย์จะตรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วน ถ้าไม่พบมีความผิดปกติ และเด็กมีพัฒนาการดี ก็จะอธิบายให้พ่อแม่เด็กเข้าใจ และแนะนำให้มียาลดไข้พาราเซตามอลไว้ประจำบ้านให้เด็กกินเวลาตัวร้อน ส่วนยาอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องให้ ควรดูแลเรื่องอาหารการกิน หมั่นชั่งน้ำหนักตัว พอพ้น 3-4 เดือน อาการก็จะเป็นห่างไปเอง เนื่องจากร่างกายเริ่มมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหวัดมากชนิดแล้ว

5. ผู้ที่เป็นหวัดโดยไม่มีไข้ โดยมีน้ำมูกใสและจามบ่อย มักเกิดจากการแพ้อากาศ แพ้ฝุ่น หรือละอองเกสร มากกว่าที่จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส (ดู "หวัดภูมิแพ้")

6. ผู้ที่มีอาการไข้และมีน้ำมูก แต่ตัวร้อนจัดตลอดเวลา กินยาลดไข้ก็ไม่ค่อยทุเลา มักจะไม่ใช่เป็นไข้หวัดธรรมดา แต่อาจมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น หัด ปอดอักเสบ หรือทอนซิลอักเสบ แพทย์จะตรวจดูอาการของโรคเหล่านี้อย่างละเอียด

นอกจากนี้ยังมีโรคติดเชื้ออื่น ๆ อีกหลายชนิด ที่ในระยะแรกอาจแสดงอาการคล้ายไข้หวัดได้ เช่น ไข้เลือดออก ไอกรน คอตีบ โปลิโอ ตับอักเสบจากไวรัส ไทฟอยด์ สมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ เป็นต้น จึงควรติดตามดูอาการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ถ้าพบว่ามีไข้นานเกิน 4 วัน หรือมีอาการผิดไปจากไข้หวัดธรรมดา ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

7. อย่าซื้อหรือใช้ยาชุดแก้หวัดที่มียาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์ผสมอยู่ด้วย นอกจากจะไม่จำเป็นแล้วยังอาจมีอันตรายได้

8. เมื่อเป็นหวัด ควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก เพราะอาจทำให้เชื้อลุกลามเข้าหูและโพรงไซนัส ทำให้เกิดการอักเสบแทรกซ้อนได้

9. สำหรับเด็กเล็ก อย่าซื้อยาแก้หวัดแก้ไอสูตรผสมต่าง ๆ กินเอง เพราะอาจมีตัวยาเกินความจำเป็น จนอาจเกิดพิษได้ แม้แต่ยาแก้แพ้ แก้หวัด นอกจากจะไม่มีประโยชน์เท่าที่ควรแล้ว ยังอาจมีผลข้างเคียงต่อเด็กเล็กได้ ในการรักษากันเองเบื้องต้น ควรใช้ยาลดไข้พาราเซตามอลเพียงชนิดเดียวจะปลอดภัยกว่า

10. ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโรคนี้ หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ (เช่น ไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ น้ำมูกไหล ไอ ท้องเดิน หายใจเหนื่อยหอบ) หรือทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ด้วยตนเองให้ผลเป็นบวก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

2
บริหารจัดการอาคาร: โหมดทำงานของแอร์ เลือกใช้งานให้ถูก ประหยัดไฟได้เยอะ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ มีความจำเป็นอย่างมากในอากาศที่ร้อนอบอ้าว เชื่อว่า มีแทบทุกบ้าน เพราะมีความจำเป็นสำหรับใครหลายๆคน เนื่องจากอากาศในบ้านเราต้องบอกว่า มีอากาศที่ร้อนแทบจะตลอดทั้งปี ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อใช้ในการคลายร้อน ทำให้ความรู้สึกเย็นสบาย แต่เราก็ต้องแลกกับค่าไฟที่ต้องเพิ่มมากขึ้น แต่หากเราติดเครื่องปรับอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกก็ต้องมั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศของเรานั้น จะมีอายุการใช้งานที่นานและมีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีหลายบ้านที่มักจะเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ได้พักแอร์เลย ก็ทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก และสกปรกได้ง่าย

เพราะยิ่งเราเปิดแอร์ ก็ยิ่งทำให้แอร์มีการสะสมของฝุ่นเป็นจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งการใช้งานแอร์ที่หนักเกินไปนั้น ทำให้เราต้องทำความสะอาดแอร์บ่อยๆ แต่ยิ่งเราเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน ค่าไฟก็จะยิ่งพุ่งสูงเป็นธรรมดา เพราะแอร์ ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเปลืองไฟ แต่ก็มีเทคนิคที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้เยอะ เพียงแค่เราใช้งานแอร์อย่างถูกต้อง คือ ใช้โหมดการทำงานของแอร์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยทำให้เราประหยัดค่าไฟไปได้เยอะเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำโหมดการทำงานของแอร์ ที่ถ้าหากเราเลือกใช้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภายในบ้านของเราได้เยอะ

ก่อนที่เราจะเลือกใช้โหมดแอร์นั้น เราต้องมาทำความรูจักกับโหมดแอร์ทั้ง 4 โหมดก่อนว่าคืออะไรบ้าง โหมดแรกคือ Cool Mode คือ โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยให้แอร์ทำความเย็น ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ในแต่ละห้อง เมื่อแอร์ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แอร์จะตัดการทำงานทันที จึงเหมาะสำหรับใช้งานในช่วงหน้าร้อนที่ต้องการความเย็นตามที่ต้องการ  ต่อมาคือ Auto Mode คือ โหมดการทำงานที่หลายๆ บ้านส่วนใหญ่นิยมใช้ เพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และเป็นโหมดการทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งการทำงานของระบบนี้คือ การวัดค่าอุณหภูมิของแอร์ เพื่อปรับความเย็นด้วยระบบเซ็นเซอร์จากตัวแอร์ หลังจากเปิดแอร์หากอากาศภายในห้องร้อน แอร์จะปรับอัตโนมัติไปที่ โหมดการทำงานแบบ Cool Mode และหลังจากอุณหภูมิเย็นลงตามที่กำหนดไว้ จะถูกปรับเปลี่ยนไปยังโหมดการทำงานประเภท Dry Mode เพื่อป้องกันความชื้นภายในห้อง ซึ่งเหมาะสำหรับบ้านที่ชอบความสะดวกสบาย และห้องที่มีการใช้งานบ่อย ๆ และโหมดต่อมา คือ Dry Mode โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยควบคุมความชื้นในอากาศ จึงเหมาะกับห้องที่มีความชื้นในปริมาณที่มาก ซึ่งลมเย็นที่ออกมาอาจจะไม่เย็นฉ่ำเท่ากับ Cool Mode และบางช่วงอาจจะรู้สึกอึดอัด เพราะ แอร์ไม่สามารถกระจายความเย็นให้ทั่วถึงทั้งห้องได้

และสุดท้ายคือ Fan Mode คือ โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยระบายความชื้น และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ของแอร์ให้หมดไป ซึ่งหากใครเผลอไปกดเปลี่ยนเป็นโหมดการทำงานนี้ก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลมร้อนออกมาได้ เพราะ ลมที่ออกมาจะเป็นลมในอุณหภูมิห้อง ไม่มีความเย็นใด ๆ ซึ่งโหมดที่หลายคนเลือกใช้ส่วนใหญ่จะเป็นโหมด Cool และ โหมด Auto เพราะใช้งานง่ายโดยที่เราไม่ต้องปรับอะไรเลย ส่วนอีก 2 โหมด โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยควบคุมความชื้น อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากให้ห้องมีอากาศเย็นมากขึ้น ไม่ควรปรับเครื่องปรับอากาศไปที่อุณหภูมิที่ต่ำมากๆ ควรปรับไว้ที่อุณหภูมิปกติ แต่เร่งความแรงของพัดลมจากเครื่องปรับอากาศให้แรงมากขึ้นแทน นอกจากนี้ ถ้าต้องการให้ห้องเย็นเร็วขึ้น ควรเปิดพัดลมไปพร้อมกับการเปิดแอร์ด้วย โดยทำการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 25-27 องศา และเปิดพัดลมช่วย นอกจากทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดไฟได้มากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์ สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย

3
การพิจารณาประเภทของระบบท่อลมร้อน ให้เหมาะสมกับการใช้งาน

การพิจารณาประเภทของระบบท่อลมร้อนให้เหมาะสมกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นขั้นตอนสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพการทำงาน, การประหยัดพลังงาน, และความสะดวกสบายในการควบคุมอุณหภูมิในแต่ละพื้นที่ เนื่องจากโรงงานมีลักษณะการใช้งานที่หลากหลายและมีความต้องการความร้อนที่แตกต่างกันไป การเลือกประเภทระบบที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาด้านประสิทธิภาพและค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ประเภทหลักของระบบท่อลมร้อนที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม:

ระบบท่อเดี่ยว (Single Duct System):

หลักการทำงาน: จ่ายลมร้อน (หรือลมเย็น) ผ่านท่อหลักเพียงท่อเดียวไปยังพื้นที่ต่างๆ

ข้อดี:
ติดตั้งง่าย: โครงสร้างระบบไม่ซับซ้อน
ค่าติดตั้งต่ำ: โดยทั่วไปมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งน้อยกว่าระบบอื่นๆ

ข้อเสีย:
ควบคุมอุณหภูมิแยกพื้นที่ยาก: ไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิในแต่ละพื้นที่ได้อย่างอิสระ เนื่องจากทุกพื้นที่ได้รับลมที่มีอุณหภูมิเดียวกัน
ประสิทธิภาพอาจต่ำในบางกรณี: หากความต้องการความร้อนในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันมาก ระบบอาจทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
เหมาะสมกับการใช้งาน: พื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีความต้องการความร้อนใกล้เคียงกัน หรือพื้นที่ที่ไม่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิแยกกันมากนัก เช่น โกดังเก็บสินค้า, พื้นที่ผลิตขนาดใหญ่ที่ไม่แบ่งโซนอุณหภูมิชัดเจน

ระบบท่อคู่ (Dual Duct System):

หลักการทำงาน: มีท่อจ่ายลมสองท่อ ท่อหนึ่งจ่ายลมร้อน และอีกท่อจ่ายลมเย็น ไปยังหน่วยผสมอากาศ (Mixing Box) ในแต่ละโซน ซึ่งจะผสมลมร้อนและลมเย็นในอัตราส่วนที่เหมาะสมเพื่อให้ได้อุณหภูมิตามที่ต้องการในแต่ละพื้นที่

ข้อดี:
ควบคุมอุณหภูมิแยกพื้นที่ได้ดี: สามารถควบคุมอุณหภูมิในแต่ละโซนได้อย่างแม่นยำ
ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการได้รวดเร็ว: สามารถปรับอุณหภูมิในแต่ละโซนได้ตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป

ข้อเสีย:
ติดตั้งซับซ้อน: มีท่อลมสองชุด ทำให้การติดตั้งซับซ้อนกว่า
ค่าติดตั้งสูง: ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงกว่าระบบท่อเดี่ยว
สิ้นเปลืองพลังงาน: อาจมีการผสมลมร้อนและลมเย็นที่ไม่จำเป็น ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานหากควบคุมไม่ดี
เหมาะสมกับการใช้งาน: พื้นที่ที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิที่แตกต่างกันในแต่ละโซนอย่างแม่นยำ เช่น อาคารสำนักงานภายในโรงงาน, ห้องควบคุม, ห้องปฏิบัติการ

ระบบปรับปริมาณลมแปรผัน (Variable Air Volume - VAV System):

หลักการทำงาน: จ่ายลมร้อน (หรือลมเย็น) ผ่านท่อหลักไปยังหน่วย VAV Box ในแต่ละโซน ซึ่งจะปรับปริมาณลมที่จ่ายไปยังแต่ละพื้นที่ตามความต้องการความร้อน (หรือความเย็น) ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยรักษาอุณหภูมิของลมที่จ่ายให้คงที่

ข้อดี:
ประหยัดพลังงาน: ปรับปริมาณลมตามความต้องการจริง ทำให้ประหยัดพลังงาน
ควบคุมอุณหภูมิแยกพื้นที่ได้: สามารถควบคุมอุณหภูมิในแต่ละโซนได้ในระดับหนึ่ง
ลดเสียงรบกวน: เมื่อความต้องการลมน้อยลง พัดลมจะทำงานช้าลง ทำให้เสียงรบกวนลดลง

ข้อเสีย:
ติดตั้งซับซ้อนกว่าท่อเดี่ยว: มีอุปกรณ์ควบคุม VAV Box ในแต่ละโซน
อาจควบคุมอุณหภูมิไม่แม่นยำเท่าท่อคู่: การควบคุมอุณหภูมิขึ้นอยู่กับการปรับปริมาณลม
ต้องการการควบคุมที่ซับซ้อน: ระบบควบคุมต้องมีความแม่นยำ
เหมาะสมกับการใช้งาน: พื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงความต้องการความร้อนบ่อยครั้ง และต้องการประหยัดพลังงาน เช่น พื้นที่สำนักงาน, ห้องประชุม, พื้นที่ผลิตที่มีการเปลี่ยนแปลงการทำงาน

ระบบแยกส่วน (Unitary System):

หลักการทำงาน: ใช้เครื่องทำลมร้อน (หรือเครื่องปรับอากาศ) แบบแยกส่วนติดตั้งในแต่ละพื้นที่ หรือแต่ละโซน โดยไม่ต้องมีระบบท่อลมขนาดใหญ่

ข้อดี:
ควบคุมอุณหภูมิเฉพาะจุดได้ดี: สามารถควบคุมอุณหภูมิในแต่ละพื้นที่ได้อย่างอิสระ
ติดตั้งง่ายในบางกรณี: สำหรับพื้นที่ขนาดเล็กหรือต่อเติม อาจติดตั้งง่ายกว่า
บำรุงรักษาง่าย: การบำรุงรักษาทำได้เฉพาะจุด

ข้อเสีย:
สิ้นเปลืองพลังงาน: โดยรวมอาจสิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าระบบส่วนกลาง
ความสวยงาม: อาจมีอุปกรณ์ติดตั้งภายนอกอาคารจำนวนมาก
การควบคุมโดยรวมยาก: การควบคุมอุณหภูมิทั้งโรงงานอาจทำได้ยาก
เหมาะสมกับการใช้งาน: พื้นที่ขนาดเล็ก, พื้นที่ที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิที่แตกต่างกันมาก และแยกจากส่วนกลาง, หรือพื้นที่ต่อเติม

ปัจจัยเพิ่มเติมในการพิจารณา:

งบประมาณ: ค่าติดตั้ง, ค่าดำเนินการ (พลังงาน), และค่าบำรุงรักษาของแต่ละระบบแตกต่างกัน
ขนาดและเลย์เอาต์ของโรงงาน: ขนาดและลักษณะการจัดวางพื้นที่ของโรงงานมีผลต่อการเลือกระบบที่เหมาะสม
ความต้องการการควบคุมอุณหภูมิ: ความแม่นยำในการควบคุมอุณหภูมิที่ต้องการในแต่ละพื้นที่
ข้อกำหนดด้านการระบายอากาศ: บางระบบสามารถบูรณาการกับการระบายอากาศได้
การประหยัดพลังงาน: พิจารณาระบบที่มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานในระยะยาว
ความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน: ความสามารถในการปรับเปลี่ยนระบบในอนาคตหากมีการเปลี่ยนแปลงการใช้งาน

ขั้นตอนการตัดสินใจ:

วิเคราะห์ความต้องการ: ระบุความต้องการความร้อนและข้อกำหนดเฉพาะของแต่ละพื้นที่ในโรงงานอย่างละเอียด
ประเมินตัวเลือก: พิจารณาข้อดีและข้อเสียของระบบท่อลมร้อนแต่ละประเภท
เปรียบเทียบ: เปรียบเทียบระบบต่างๆ ตามเกณฑ์ที่สำคัญ เช่น ประสิทธิภาพ, การควบคุม, ค่าใช้จ่าย, และความเหมาะสมกับพื้นที่
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ขอคำแนะนำจากวิศวกรเครื่องกลหรือผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ HVAC เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะที่เหมาะสมที่สุด
ตัดสินใจเลือก: เลือกประเภทของระบบที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณได้อย่างเหมาะสมที่สุด

การพิจารณาประเภทของระบบท่อลมร้อนอย่างรอบคอบและครอบคลุมทุกด้าน จะช่วยให้โรงงานของคุณมีระบบที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ, ประหยัดพลังงาน, และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดำเนินงานครับ

4
สร้างรายได้ จากสปาเกตตี้ขี้เมา สูตรเข้มข้น และการตั้งราคาขายในออนไลน์

สปาเก็ตตี้ขี้เมาเป็นเมนูพาสต้าที่มีรสชาติจัดจ้านเป็นเอกลักษณ์ ถูกปากคนไทย และเป็นที่นิยมอย่างมาก การนำมาขายออนไลน์จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างรายได้จากที่บ้าน

1. พัฒนาสูตรสปาเก็ตตี้ขี้เมา "เข้มข้น จัดจ้าน":

หัวใจสำคัญคือรสชาติที่ถึงเครื่องพริก กระเทียม และสมุนไพรต่างๆ นี่คือสูตรพื้นฐานที่คุณสามารถปรับให้เป็นเอกลักษณ์ของคุณได้:

วัตถุดิบ:

เส้นสปาเก็ตตี้ 150-200 กรัม (ต่อ 1 ที่)
กุ้งสด (ปอกเปลือก ผ่าหลัง) หรือ หมูสับ หรือ ไก่ หรือ ทะเลรวม ตามชอบ 80-100 กรัม
กระเทียมสับหยาบ 1-2 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสวนสับหยาบ (ตามความเผ็ดที่ต้องการ) 5-15 เม็ด
พริกไทยอ่อนหั่นเฉียง 1 ช่อเล็ก
ใบกะเพราสด 1 กำมือใหญ่
น้ำปลา 1-2 ช้อนโต๊ะ (ปรุงรส)
น้ำมันหอย 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/2 - 1 ช้อนชา (ตัดรส)
ซีอิ๊วดำหวาน เล็กน้อย (เพิ่มสีสันและความกลมกล่อม)
น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ
(Optional) เหล้าขาว หรือ บรั่นดี 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มความหอม)
(Optional) ข้าวโพดอ่อน, ถั่วฝักยาว หั่น

วิธีทำ:

ต้มเส้น: ต้มเส้นสปาเก็ตตี้ในน้ำเดือดที่เติมเกลือเล็กน้อยจนสุก Al Dente (ประมาณ 8-10 นาที) ตักขึ้นพักไว้ เก็บน้ำต้มเส้นไว้เล็กน้อย
ผัดเครื่อง: ตั้งกระทะไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช พอน้ำมันร้อน ใส่กระเทียมและพริกขี้หนูสับลงไปผัดให้หอม
ผัดเนื้อสัตว์: ใส่เนื้อสัตว์ที่เตรียมไว้ลงไปผัดจนสุก
ปรุงรส: ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมันหอย น้ำตาลทราย ซีอิ๊วดำหวาน (และเหล้าขาว/บรั่นดี ถ้าใช้) ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
ใส่ผัก: ใส่พริกไทยอ่อน (และข้าวโพดอ่อน, ถั่วฝักยาว ถ้าใช้) ผัดให้เข้ากัน
ใส่เส้น: ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ที่ต้มไว้ลงไป ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน หากแห้งเกินไป เติมน้ำต้มเส้นเล็กน้อย
ใส่กะเพรา: ใส่ใบกะเพราลงไปผัดอย่างรวดเร็วให้พอสลด ปิดไฟ
จัดเสิร์ฟ: ตักใส่กล่องหรือจาน พร้อมเสิร์ฟร้อนๆ

เคล็ดลับความอร่อย "เข้มข้น จัดจ้าน":

พริกสดใหม่: ใช้พริกขี้หนูสวนสดใหม่ จะให้ความหอมและความเผ็ดที่แตกต่าง
กระเทียมเยอะ: กระเทียมเป็นหัวใจสำคัญของความหอม
ผัดให้แห้ง: ผัดให้ส่วนผสมเข้ากันดีและน้ำซอสเคลือบเส้น ไม่แฉะ
กะเพราท้ายสุด: ใส่กะเพราตอนสุดท้าย ผัดเร็วๆ จะทำให้หอมและไม่ดำ
ระดับความเผ็ด: มีตัวเลือกความเผ็ดให้ลูกค้าเลือก (เผ็ดน้อย, เผ็ดกลาง, เผ็ดมาก)
วัตถุดิบสดใหม่: เลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ โดยเฉพาะอาหารทะเล

2. การตั้งราคาขายออนไลน์:

การตั้งราคาขายที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสร้างรายได้และแข่งขันได้ในตลาดออนไลน์ พิจารณาปัจจัยเหล่านี้:

ต้นทุนวัตถุดิบ: คำนวณต้นทุนของเส้น พริก กระเทียม เนื้อสัตว์ ผัก เครื่องปรุง และบรรจุภัณฑ์ต่อหนึ่งจาน
ค่าแรง: หากคุณมีผู้ช่วย ควรคำนวณค่าแรงด้วย
ค่าบรรจุภัณฑ์: กล่อง/ถุงสำหรับใส่อาหาร ช้อน ส้อม ทิชชู่
ค่าขนส่ง: หากคุณจัดส่งเอง ควรคำนวณค่าน้ำมัน หรือหากใช้บริการส่งอาหาร (เช่น GrabFood, LINE MAN) จะมีค่าธรรมเนียม
ราคาคู่แข่ง: สำรวจราคาของร้านอาหารอื่นๆ ที่ขายสปาเก็ตตี้ขี้เมาออนไลน์ในพื้นที่ของคุณ
กลุ่มเป้าหมาย: พิจารณากำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ
มูลค่าเพิ่ม: หากสูตรของคุณมีเอกลักษณ์ ใช้วัตถุดิบคุณภาพดี หรือมีปริมาณที่คุ้มค่า สามารถตั้งราคาสูงกว่าได้เล็กน้อย
โปรโมชั่น: พิจารณาการจัดโปรโมชั่น เช่น ส่วนลดเมื่อซื้อหลายกล่อง หรือฟรีค่าส่ง (ตามเงื่อนไข)

สูตรคำนวณราคาขายเบื้องต้น:

ราคาขาย = ต้นทุนรวม + กำไรที่ต้องการ
ตัวอย่างการตั้งราคา (สำหรับอ้างอิง):

สมมติว่าต้นทุนต่อจาน (รวมทุกอย่าง) คือ 40 บาท และคุณต้องการกำไร 50%

กำไรที่ต้องการ = 40 บาท * 50% = 20 บาท
ราคาขาย = 40 บาท + 20 บาท = 60 บาท

ปัจจัยเพิ่มเติมในการตั้งราคาออนไลน์:

ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม: หากขายผ่านแอปพลิเคชันส่งอาหาร จะมีค่าธรรมเนียมที่ต้องนำมาพิจารณาในการตั้งราคา
ค่าส่ง: คุณอาจคิดค่าส่งแยก หรือรวมค่าส่งเข้าไปในราคาสินค้า (และกำหนดขั้นต่ำในการสั่งซื้อเพื่อส่งฟรี)
ส่วนลด/โปรโมชั่น: ควรมีส่วนต่างของราคารองรับการจัดโปรโมชั่นต่างๆ

3. การตลาดออนไลน์เพื่อสร้างรายได้:

รูปภาพ/วิดีโอคุณภาพสูง: ถ่ายภาพสปาเก็ตตี้ขี้เมาของคุณให้สวยงาม น่าทาน และดึงดูดสายตา
คำอธิบายเมนู: เขียนคำอธิบายที่น่าสนใจ เน้นย้ำความเข้มข้น จัดจ้าน และวัตถุดิบสดใหม่
โปรโมชั่น: สร้างโปรโมชั่นพิเศษ เช่น "สั่งวันนี้ ฟรีไข่ดาว!", "ซื้อ 2 แถมน้ำอัดลม"
โซเชียลมีเดีย: โปรโมทผ่าน Facebook, Instagram, TikTok เน้นคอนเทนต์ที่น่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
แอปพลิเคชันส่งอาหาร: ลงทะเบียนร้านค้าของคุณบนแพลตฟอร์มยอดนิยม
รีวิวจากลูกค้า: กระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิว เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
การมีส่วนร่วม: ตอบคอมเมนต์และข้อความของลูกค้าอย่างรวดเร็วและเป็นกันเอง
สร้าง Storytelling: เล่าเรื่องราวเบื้องหลังสูตร หรือความใส่ใจในการทำอาหารของคุณ

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

ความสม่ำเสมอ: รักษามาตรฐานรสชาติและคุณภาพทุกครั้ง
ความสะอาด: ให้ความสำคัญกับความสะอาดของวัตถุดิบและกระบวนการทำอาหาร
บริการที่ดี: สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
เมนูหลากหลาย: นอกเหนือจากขี้เมา ลองเพิ่มเมนูพาสต้าอื่นๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าที่หลากหลาย

การสร้างรายได้จากการขายสปาเก็ตตี้ขี้เมาออนไลน์ต้องอาศัยรสชาติที่อร่อยเข้มข้น การตั้งราคาที่เหมาะสม และการทำการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ หากคุณใส่ใจในทุกรายละเอียดเหล่านี้ โอกาสในการสร้างรายได้ที่มั่นคงและเติบโตก็มีสูงครับ!

5
เซ็ตสกินแคร์เป็นของขวัญปีใหม่ที่ตอบโจทย์สาว ๆ ทุกช่วงวัย

ถ้าจะพูดถึงของขวัญปีใหม่ที่สาวๆ ทุกช่วงวัยต้องปลื้ม เซ็ตสกินแคร์ ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว เพราะนอกจากจะเป็นการส่งมอบความปรารถนาดีแล้ว ยังเป็นของขวัญที่ช่วยดูแลผิวพรรณและสร้างความสุขในทุกๆ วันได้อีกด้วย


ทำไมเซ็ตสกินแคร์จึงเหมาะเป็นของขวัญ

ใช้งานได้จริง: สกินแคร์เป็นสิ่งที่สาวๆ ใช้เป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นคลีนซิ่ง, เซรั่ม, หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้รับจะได้นำของขวัญชิ้นนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างแน่นอน

มีหลายราคา: เซ็ตสกินแคร์มีให้เลือกหลายระดับราคา ตั้งแต่แบรนด์ทั่วไปจนถึงแบรนด์เคาน์เตอร์หรู ทำให้คุณสามารถเลือกซื้อได้ตามงบประมาณที่ตั้งไว้

ดีไซน์สวยงาม: ช่วงเทศกาลปีใหม่หลายแบรนด์มักจะออกเซ็ตสกินแคร์ในแพ็กเกจจิ้งที่สวยงามและดูดี ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาห่อของขวัญเพิ่มเติม

ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน: คุณสามารถเลือกเซ็ตสกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวของผู้รับได้ เช่น เซ็ตสำหรับผิวแพ้ง่าย, เซ็ตเพื่อลดริ้วรอย, หรือเซ็ตเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น


ไอเดียการเลือกเซ็ตสกินแคร์ตามช่วงวัย

วัยรุ่น (10-20 ปี): เน้นเซ็ตที่ช่วยดูแลผิวพื้นฐานให้แข็งแรง เช่น เจลล้างหน้า, โทนเนอร์, และมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น

วัยทำงาน (20-35 ปี): เน้นเซ็ตที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวที่เริ่มเจอ เช่น เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเพื่อผิวขาวกระจ่างใส หรือสกินแคร์ที่ช่วยลดรอยสิว

วัย 35 ปีขึ้นไป: เน้นเซ็ตที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย, เพิ่มความกระชับ, และบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ เช่น เซรั่มหรือครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน, เรตินอล หรือไฮยาลูรอน

การเลือกซื้อเซ็ตสกินแคร์ที่มาจากความใส่ใจในสุขภาพผิวของผู้รับ จะทำให้ของขวัญชิ้นนี้เป็นของขวัญที่พิเศษและสร้างความประทับใจได้อย่างแน่นอนค่ะ

6
หมอออนไลน์: ไข้กาฬหลังแอ่น (Meningococcal meningitis)

ไข้กาฬหลังแอ่น (ไข้กาฬนกนางแอ่น ก็เรียก) หมายถึง โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มเมนิงโกค็อกคัส ที่มาของชื่อโรคนี้เข้าใจว่าคงเรียกตามลักษณะอาการของโรค ซึ่งพบว่าถ้าหากเป็นรุนแรงจะมีไข้และผื่นขึ้นลักษณะเป็นจุดแดงจ้ำเขียวหรือดำคล้ำ (จึงเรียกว่า “ไข้กาฬ” ซึ่งแปลว่า ไข้ที่มีผื่นสีดำคล้ำตามผิวหนัง) และผู้ป่วยจะมีอาการคอแข็ง คอแอ่น หลังแอ่น (จึงเรียกชื่อโรคตอนท้ายว่า “หลังแอ่น”) ต่อ ๆ มาจึงเพี้ยนเป็น “ไข้กาฬนกนางแอ่น” โรคนี้ไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อจากนกนางแอ่นแต่อย่างใด

โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดนี้พบได้ประปรายตลอดปี (มีรายงานการป่วยเป็นโรคนี้ประมาณปีละ 20-100 ราย) บางครั้งอาจมีการระบาด จัดเป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรง พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่มเมนิงโกค็อกคัส (meningococcus) ที่มีชื่อเรียกว่าไนซีเรียเมนิงไจทิดิส (Neisseria meningitidis)

เชื้อนี้แบ่งเป็น 13 ชนิด แต่มีอยู่ 5 ชนิดที่สามารถก่อโรคในคน ได้แก่ ชนิด A, B, C, Y และ W135 ซึ่งมีอยู่ในลำคอของคนเรา คนที่แข็งแรง เชื้อจะอาศัยอยู่ในลำคอโดยไม่ก่อให้เกิดโรค เรียกว่า เป็นพาหะ (carrier) ซึ่งสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ ซึ่งพบว่าในคนทั่วไปเป็นพาหะของโรคนี้ประมาณร้อยละ 5 (เคยมีการสำรวจพบว่า เด็กนักเรียนในบางท้องที่จะเป็นพาหะของโรคนี้ถึงร้อยละ 14)

เชื้อนี้สามารถติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยหรือพาหะไอหรือจามรด ใช้ของใช้ร่วมกัน (เช่น ดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน) จูบปากกัน หรือสัมผัสถูกน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วยหรือพาหะ

ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เมื่อรับเชื้อเข้าไป ก็จะป่วยเป็นโรคนี้ โดยเชื้อเข้าไปในลำคอก่อน แล้วเข้าไปในกระแสเลือด ไปที่เยื่อหุ้มสมอง ทำให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ บางรายเชื้อจะเข้าไปอยู่ในอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ และรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ภายในเวลาสั้น ๆ

ระยะฟักตัวของโรค 2-10 วัน (เฉลี่ย 3-4 วัน)

อาการ

อาการสำคัญคือ ไข้ ผื่นขึ้น และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาจมีอาการครบทั้ง 3 อย่าง หรือ 2 ใน 3 อย่างนี้ ซึ่งมีความรุนแรงแตกต่างกันไป

เริ่มแรกผู้ป่วยจะมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ เจ็บคอ ปวดเมื่อยมากตามหลังและแขนขาคล้ายไข้หวัดใหญ่ 2-3 วันต่อมาจะมีผื่นขึ้น ลักษณะเป็นจุดแดงจ้ำเขียวแบบไข้เลือดออก มีขนาดต่าง ๆ ตั้งแต่เท่าปลายเข็มหมุดจนเป็นรอยฟกช้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีรูปร่างคล้ายดาวกระจาย (เป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้) รอยฟกช้ำพบมากตามขาและเท้า และตรงรอยที่มีแรงกด (เช่น ขอบกางเกง ขอบถุงเท้า) แต่ก็อาจพบที่มือ แขน และลำตัว รวมทั้งตามเยื่อเมือก เช่น เยื่อบุตา ได้

ในรายที่มีเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมด้วย จะมีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง (ก้มคอไม่ลง) คอแอ่น หลังแอ่น อาจมีอาการสับสน เพ้อคลั่งร่วมด้วย ผู้ป่วยส่วนน้อยที่อาจมีอาการไม่ค่อยรู้สึกตัว หมดสติ ส่วนในเด็กอาจมีอาการชักร่วมด้วย

ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีเลือดออกในลำไส้และต่อมหมวกไต เกิดภาวะช็อก หมดสติ และอาจตายได้ภายใน 1-4 วัน ภาวะรุนแรงมักเกิดในเด็กเล็ก เด็กนักเรียน และคนหนุ่มสาว


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบร่วมกับการติดเชื้อในเลือด (พบจุดแดงจ้ำเขียวร่วมด้วย) มักมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง คือ ภาวะโลหิตเป็นพิษ และภาวะเลือดจับเป็นลิ่มทั่วร่างกาย (disseminated intravascular coagulation หรือ DIC) ซึ่งทำให้มีเลือดตามอวัยวะต่าง ๆ (เช่น ปอด ทางเดินปัสสาวะ ทางเดินอาหาร ต่อมหมวกไต) และภาวะขาดเลือดและเนื้อตายของปลายนิ้วมือนิ้วเท้า ผู้ป่วยมักเกิดภาวะช็อก และตายในเวลารวดเร็ว

นอกจากนี้ยังอาจมีการติดเชื้อของอวัยวะต่าง ๆ แทรกซ้อน เช่น ข้ออักเสบชนิดติดเชื้อเฉียบพลัน ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เป็นต้น

ส่วนภาวะแทรกซ้อนทางสมองในระยะเฉียบพลัน อาจมีภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง สมองบวม (cerebral edema) ภาวะเลือดจับเป็นลิ่มในหลอดเลือดดำสมอง (cerebral venous thrombosis) ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (hydrocephalus) เป็นต้น

ในผู้ป่วยที่รักษาจนรอดชีวิต อาจมีภาวะแทรกซ้อนทางสมอง (ดู “โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ”) ประมาณร้อยละ 10-20 และพบว่าเด็กที่เป็นโรคนี้กลายเป็นหูหนวกร้อยละ 10


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งจะตรวจพบไข้สูง อาจพบอาการสับสน เพ้อคลั่ง ซึม ส่วนอาการหมดสติ หรือชัก อาจพบได้ในผู้ป่วยบางราย

มักตรวจพบจุดแดงจ้ำเขียวตามผิวหนัง เยื่อบุตา

มักพบรอยฟกช้ำรูปดาวกระจายตามขา เท้า ขอบกางเกง ขอบถุงเท้า

ในผู้ใหญ่ มักตรวจพบอาการคอแข็งร่วมด้วย ส่วนในเด็กเล็ก อาจตรวจไม่พบอาการคอแข็ง แต่จะพบกระหม่อมโป่งตึงได้

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการเจาะหลัง จะพบความดันน้ำไขสันหลังสูง น้ำไขสันหลังขุ่น ตรวจพบเชื้อเมนิงโกค็อกคัสในน้ำไขสันหลัง

นอกจากนี้ อาจนำเลือดและสารน้ำที่เจาะจากรอยจ้ำเขียวที่ผิวหนังไปตรวจหาเชื้อโดยการย้อมสีหรือเพาะเชื้อ

บางรายแพทย์อาจทำการถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อค้นหาความผิดปกติในสมอง


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ให้การรักษาตามอาการและรักษาแบบประคับประคอง และให้ยาปฏิชีวนะซึ่งมีให้เลือกหลายชนิด(เช่น เพนิซิลลินจี, เซทริอะโซน)

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ถ้าเป็นไม่รุนแรง (ไม่มีการติดเชื้อในเลือดร่วมด้วย) และได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม ก็มักจะหายเป็นปกติ แต่ถ้าเป็นรุนแรงหรือได้รับการรักษาล่าช้า ก็อาจเสียชีวิตหรือมีภาวะแทรกซ้อนทางสมองตามมา โดยเฉลี่ยมีอัตราตายประมาณร้อยละ 15-20

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะมาก ก้มคอไม่ลง (คอแข็ง) หลังแอ่น อาเจียนรุนแรง ซึม ชัก หรือหมดสติ  หรือมีไข้ร่วมกับมีรอยฟกช้ำจ้ำเขียว หรืออาเจียนเป็นเลือด ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อพบว่าเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การป้องกัน

1. สำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็นโรคนี้ เช่น คนที่อยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วย นักเรียนที่อยู่ในห้องเดียวกับผู้ป่วย ทหารที่อยู่ในค่ายพักเดียวกับผู้ป่วย ผู้ต้องขังที่อยู่ในห้องขังเดียวกับผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วย เป็นต้น ควรรีบไปพบแพทย์ แพทย์จะให้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งกินป้องกันไม่ให้เป็นโรค เช่นไรแฟมพิซิน, ไซโพรฟล็อกซาซิน, เซฟทริอะโซน

2. สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ในเขตพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้ (เช่น ผู้ที่เดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย, นักท่องเที่ยวที่จะไปในทวีปแอฟริกา เช่น ซูดาน เอธิโอเปีย ไนจีเรีย เป็นต้น) หรือผู้ที่ไปศึกษาต่อในประเทศแถบยุโรปและอเมริกาซึ่งมีข้อกำหนดให้ต้องฉีดวัคซีนชนิดนี้ ควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้กาฬหลังแอ่น (meningococcal vaccine) ซึ่งสามารถรับบริการได้ ณ สถานที่ต่อไปนี้

    สถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี
    ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ
    ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือกรุงเทพคลองเตย
    กลุ่มงานควบคุมโรคระหว่างประเทศ ในบริเวณตรวจคนเข้าเมือง ถนนสาทรใต้
    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้

3. สำหรับคนทั่วไป ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกัน เนื่องจากโรคนี้พบได้น้อย มีโอกาสเสี่ยงไม่มาก ถ้าบังเอิญมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ก็สามารถใช้ยาป้องกันได้ เหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือ วัคซีนที่มีใช้อยู่ในประเทศไทยป้องกันเชื้อชนิด A, C, Y, W135 แต่ไม่ได้ป้องกันชนิด B ซึ่งเป็นเชื้อที่พบมากในบ้านเรา ดังนั้นฉีดวัคซีนไปก็ไม่อาจป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อชนิด B

สำหรับคนทั่วไป แนะนำให้ปฏิบัติตามหลักการป้องกันโรคติดต่อทางระบบหายใจ ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัดหรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก
    สวมหน้ากากอนามัยเมื่อเข้าไปในที่ที่มีผู้คนแออัด
    อย่าไอ จาม รดกัน
    อย่าดื่มน้ำแก้วเดียวกับผู้อื่น หรือสูบบุหรี่มวนเดียวกับผู้อื่น
    ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ เมื่อสัมผัสถูกน้ำมูก น้ำลายของผู้อื่น

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ถึงแม้จะพบได้น้อย แต่ถ้าเป็นแล้วมักมีความรุนแรง หากมีอาการไข้ ผื่นขึ้น (จุดแดงจ้ำเขียว) ร่วมกับอาการปวดศีรษะและอาเจียน ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาล เพื่อจะได้รับการวินิจฉัยและการรักษาแต่เนิ่น ๆ

2. โรคนี้นอกจากจะติดจากผู้ป่วยโดยตรงแล้ว ก็ยังอาจติดจากเสมหะและน้ำลายของผู้ที่เป็นพาหะ (ซึ่งไม่มีอาการ) ได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย คนทั่วไปควรเคร่งครัดในการปฏิบัติตัวตามหลักการป้องกันโรคติดต่อทางระบบหายใจ

3. ควรแนะนำผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยไปรับยาป้องกันจากสถานพยาบาลใกล้บ้านโดยเร็วที่สุด

7
ภาวะแทรกซ้อน จากการจัดฟันเด็ก

การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากในปัจจุบันนี้ เด็กไทยเป็นจำนวนมาก มีอาการฟันผุ เนื่องจากการรับประทานอาหารและการไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟัน รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะไม่มีเวลาในการแนะนำหรือสอนเด็กเกี่ยวกับวิธีการแปรงฟันอย่างถูกต้อง ดังนั้น เด็กไทยจึงเกิดฟันผุมาก ซึ่งบางคนอาจจะร้ายแรงถึงขั้นสูญเสียฟันไปเลยทีเดียว เมื่อเด็กสูญเสียฟันไป ก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาฟันอื่นๆตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกิดปัญหาฟันห่าง ฟันล้ม


ซึ่งส่งผลทำให้เด็กไม่มั่นใจในบุคลิกภาพของตัวเอง ทำให้รับประทานอาหารได้ลำบาก จนอาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาร่างกายได้ เพราะเมื่อเด็กรับประทานอาหารได้ลำบาก อาจจะทำให้เด็กเกิดอาการเบื่ออาหารได้ ทำให้เกิดโรคขาดสารอาหารได้ ดังนั้น สุขภาพช่องปากและฟัน จึงมีคความสัมพันธ์กับสุขภาพร่างกายโดยรวมของเด็ก จึงเป้นสาเหตุที่ว่า เด็กควรที่จะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี แต่การแก้ไขปัญหาฟันสำหรับเด็กที่มีฟันผุ และเกิดการสูญเสียฟัน แน่นอนว่า การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่าวตรงจุด แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่ มักจะมีข้อดีและข้อเสียเหมือนกัน การเข้ารับการจัดฟันในเด็กก็เช่นเดียวกัน ก็มีข้อเสียเหมือน ซึ่งอาจจะทำให้เด็กเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงภาวะแทรกซ้อนของการจัดฟฟันในเด็ก ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับเด็ก แต่ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองใส่ใจในเรื่องของสุขภพช่องปากและฟันและทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็จะช่วยลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

สำหรับภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ในเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน อย่างแรกเลยก็คือ การเกิดฟันผุ โรคเหงือก ถ้ากรณีที่เด็กรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป และไม่ทำความสะอาดฟันอย่างถูกวิธีและอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดขึ้นได้ตามปกติแม้จะไม่ได้รับการจัดฟัน แต่การจัดฟันก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวได้มากขึ้นนั่นเอง ต่อมาก็คือ ปัญหาการเคลื่อนฟัน อาจมีผลต่อสุขภาพของกระดูกและเหงือกที่รองรับฟันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีรอยโรคเดิมอยู่แล้ว ในเด็กที่มีการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ การจัดฟันจะช่วยลดการสูญเสียฟัน หรือการเกิดเหงือกอักเสบได้ ส่วนการเกิดเหงือกอักเสบหรือการเกิดการละลายตัวของกระดูกเบ้าฟัน จะเกิดได้ในกรณีที่เด็กไม่สามารถทำความสะอาดฟันเพื่อกำจัดคราบจุลินทรีย์ ออกจากฟันได้หมด ต่อมาก็คือปัญหาที่มักพบได้บ่อยเลยก็คือ การใช้เครื่องมือทางทันตกรรมจัดฟัน อาจทำให้เกิดแผลในช่องปาก หรือเกิดการกระทบกระแทกต่อฟันได้บ้าง ส่วนการสึกของฟันที่ผิดปกติอาจเกิดขึ้นเองได้ถ้าเด็กมีการบดเคี้ยวที่รุนแรงกว่าปกติ และอีกหนึ่งภาวะแทรกซ้อนก็คือ  เครื่องมือจัดฟันอาจหลุด และคนไข้อาจกลืนลงไปด้วยความบังเอิญ


ซึ่งควรที่จะระมัดระวัง ยิ่งในเด็ก พ่อแม่ต้องคอยระวังให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอันตราย ทั้งหมดนี้คือภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กที่เข้ารับการจัดฟัน ทางที่ดีควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะดีที่สุด อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตอาการของเด็ก ระหว่างอยู่ในช่วงการจัดฟันด้วย เพราะถือว่าเป้นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากเด็กมีปัญหา ก็สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง หรือควรพามาพบทันตแพทย์เพื่อรับการแก้ไขได้ทันที

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถพาเด็กมาพบกับทันตแพทย์จัดฟันได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่ยินดีให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง โดยยึดหลักการและปัญหาฟันของเด็ก เป็นที่ตั้ง เพื่อที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาที่ดีและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทันตแพทย์ของเรายังมีความเชี่ยวชาญด้านทันนตกรรมในเด็ก จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

8
รถรับจ้างขนย้ายบ้าน รถกระบะรับจ้างนครศรีธรรมราช ราคาถูกคุ้มค่าจ้างกับสุดยอดรถรับจ้างขนของ

รถรับจ้างขนของหรือ รถกระบะรับจ้างนครศรีธรรมราช ที่เราเคยคุ้นหูหรือเคยคุ้นชินไปบ้างเราจะให้บริการดีขนาดไหนและใส่ใจมากน้อยอย่างไร อาจจะตรงต่อเวลาหรือไม่ และที่สำคัญราคาจะถูกหรือไม่

ทางเราก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลแก่ลูกค้าทุกท่าน เพราะการให้บริการรถรับจ้างขนของด้วยรถหกล้อรับจ้างรถกระบะรับจ้างที่พร้อมให้ราคาถูกและบริการดีที่ทุกคนได้มองหารถรับจ้างขนของด้วยในขณะนี้ต้อง

บอกเลยว่าของเราจะให้บริการรถรับจ้างที่ตรงต่อเวลาและใส่ใจทุกรายละเอียดของการขนย้ายตลอดจนมีความเป็นมืออาชีพและการขนของที่ปลอดภัยนั่นเอง นับว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อการให้บริการแก่ลูกค้า

มีการจัดการบริหารการจัดการของรถรับจ้างขนของที่มีประสิทธิภาพของการให้บริการรถรับจ้างนครศรีธรรมราช หรือรถขนส่งของย้ายบ้านราคาถูกเป็นอย่างมาก ทุกคนนั้นจะต่างรู้ดีว่าในบางครั้ง

เราก็ต้องการที่จะขนย้ายบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช ขนย้ายห้อง ขนย้ายหอ ขนย้ายคอนโด ขนของย้ายสำนักงานหรือขนย้ายอพาร์ทเม้นท์ต่างๆ หลังจากที่ได้ให้เราบริการแล้วอาจจะเสร็จภารกิจ

ของงานประจำเราก็จะทำการขนส่งให้ดีที่สุดบางครั้งลูกค้าอาจจะวุ่นหรือยุ่งยากไม่มีคนยกสินค้าก็สามารถที่จะจ้างคนยกได้นั่นเองค่ะบริการของเราเน้นความจริงใจให้ราคาถูกและเป็นกันเอง

รถรับจ้างขนของนครศรีธรรมราช หากคิดว่าเราต้องการที่จะขนย้ายบ้านในทุกที่หรือต่างจังหวัดก็พร้อมที่จะเรียก รถรับจ้างขนของของ พีชภูรีโลจิสติกส์ หรือ รถรับจ้างขนส่งนครศรี ในทุกที่หรือทุกจังหวัดได้นั่นเองค่ะของ

เราเน้นให้บริการ รถกระบะรับจ้างขนของ
นครศรีธรรมราช รถหกล้อรับจ้างขนของนครศรีธรรมราช หรือไม่ก็จะเป็นรถรับจ้างขนของทั่วไทยที่รับของหรือขนย้ายทั่วไปด้วยรถรับจ้างมีค่ะคนยกของมีทั้งคนแพ็คของมีทั้งคนบริการถอดประกอบสินค้านั่นเองค่ะเราให้บริการในทุกเขตพื้นที่ มอบความสะดวกให้แก่ลูกค้าซึ่งมีความหลากหลายที่ผู้ให้บริการนั้นที่จะให้บริการแก่ลูกค้าได้มากพอสมควรทางเราจึงมีบริการ

รถรับจ้างขนของที่มีความเป็นมืออาชีพ ที่สามารถเรียกใช้บริการง่ายแบบไร้ความกังวลสามารถติดต่อ
การบริการขนส่งย้ายของไม่ว่าจะเป็นรถกระบะรับจ้างรถหกล้อรับจ้างรถ 10 ล้อรับจ้างรถเครนรับจ้าง

เราพร้อมที่จะให้บริการเช่ารถกระบะรับจ้างขนของด้วยราคาที่ถูกเน้นการบริการที่ดีและให้บริการครอบคลุมทุกที่ทุกจังหวัดพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุดใดใดทั้งสิ้น หากต้องการขนย้ายของในนอกเวลาทำการลูกค้าก็สามารถติดต่อเข้ามาใช้ได้

ทางเรามีรถที่พร้อมสแตนด์บาย รถรับจ้างขนย้ายบ้านนครศรีธรรมราช ตลอดนั่นเองค่ะในส่วนของ ราคาค่ารถรับจ้างนครศรีธรรมราช ก็จะคิดตามระยะทางตามความเป็นจริงราคาเริ่มต้นที่ 500 บาทขึ้นไป

ดังนั้นหากต้องการขนย้ายด่วนรับก็สามารถที่จะแจ้งได้ทันที หรือต้องการตรวจเช็คราคา ทางเราสามารถประเมินราคาเบื้องต้นได้เช่นกัน

เราให้บริการรถรับจ้างขนของที่เป็นมาตรฐานและมีรถจอดทุกจุดพื้นที่ และประจำทุกจังหวัดของประเทศไทย ถ้า ขนย้ายบ้านในนครศรีธรรมราช ก็จะจอดให้บริการทุกอำเภอ เราจะมีรถที่เพียงพอต่อ

การขนย้ายในแต่ละวันเมื่อต้องการขนย้ายสามารถจองเข้ามาได้ทันที เราจะล็อกคิวรถให้แลัทำการขนย้ายตามที่ลูกค้าได้คอนเฟิร์มกับทีมงานรถขนของ

ทั้งนี้ไม่ว่าจะขนของประเภทไหนก็ตามไม่ว่าจะขนย้ายของใช้ ขนย้ายเครื่องครัวหรือขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ด้วยทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพหลากหลายประสบการณ์สามารถที่จะทำงานให้กับลูกค้า

แบบประสบผลสำเร็จและตอบโจทย์ทุกการขนย้าย ดังนั้นรถกระบะรับจ้างขนของของเราก็มีปริมาณรับขนย้ายเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ลูกค้าสามารถที่จะเลือกตัดสินใจและเลือกใช้บริการได้ตามความพอใจ

หรือความเหมาะสมทั้งในเรื่องของวันเวลาสถานที่ในการรับสินค้าทางเราจะไปรับถึงที่-ส่งของถึงบ้านเราพร้อมให้บริการทุกจุดพื้นที่ด้วยรถกระบะรับจ้างขนของนครศรีธรรมราชในทุกเขตทุกอำเภอและใน

พื้นที่ดังกล่าว ดังนั้นสามารถที่จะวิ่งเข้าไปรับลูกค้าทุกท่านภายใน 1 ชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมงได้นั่นเองค่ะถ้าต้องการขนย้ายของด่วนเรียกรถกระบะรับจ้างขนของขนส่งได้ทันที


เมื่อลูกค้าต้องการสนใจที่จะ ใช้บริการรถรับจ้างขนของสามารถตรวจสอบตรวจทานสอบถามเช็คราคาเบื้องต้นได้ทันทีทางเราจะมีพนักงานในการให้ราคาอย่างรวดเร็วและแม่นยำหากลูกค้าต้องการทัก LINE

หรือทักเฟส Messenger มาก็สามารถสอบถามได้เช่นกันทางเราจะรีบตอบให้เร็วที่สุดดังนั้นเมื่อลูกค้ามีความมั่นใจที่จะใช้บริการรถรับจ้างขนของก็ขอให้นึกถึงเพชรบุรีขนส่งนั่นเองนะคะ

ทางเราพร้อมที่จะให้บริการรถรับจ้างขนของลูกค้าอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถนั่นเองค่ะติดต่อสอบถามเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ต้องการ ขนย้ายบ้านนครศรีธรรมราช ขนย้ายของนครศรีทุกชนิด ด้วยรถรับจ้างทุกประเภท

9
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


11
รถรับจ้างราคาถูก รถรับจ้างปทุมธานีไม่ว่าจะเป็นงานขนย้ายไหนๆที่รอให้บริการอยู่ มีการจัดคนยกสินค้า

รถรับจ้างปทุมธานี ไม่ว่าจะเป็นงานขนย้ายไหนๆที่รอให้บริการอยู่
ลูกค้าทุกคนต่างมีความประทับใจในเรื่องงานบริการของเราเป็นอย่างมาก เพราะเราใส่ใจทุกรายละเอียด รวมเป็นเงินถึงในเรื่องของการจัดการเรื่องความสะอาดของ รถรับจ้างปทุมธานี ของเราทุกคันเราจะมีการทำความสะอาดรถ ก่อนเริ่มงานและหลังเลิกงานในแต่ละวันเพื่อให้ลูกค้ามีความสบายใจได้ว่าสินค้าของท่านจะไม่เปื้อน จากกระบะตู้บรรทุกอย่างแน่นอน

เราเป็นที่1 ด้านงานบริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดปทุมธานี เรามีความมั่นใจในงานบริการรับจ้างขนของที่ผ่านมา ทั้งที่ดูได้จากยอดรีวิวคำติชมจากลูกค้าและการตอบรับเข้ามาจากลูกค้าจากความเชื่อถือและไว้วางเรา จากงานบริการ รับจ้างขนย้าย รับจ้างขนของ รับจ้างย้ายบ้าน รับจ้างขนย้ายสินค้าและอุปกรณ์ ขนย้ายไซด์งานก่อสร้าง ขนย้ายหอพัก ขนย้ายออฟฟิคสำนักงาน เป็นต้น จากรถรับจ้างที่มากมายหลากหลายแบบ เช่น รถกระบะรับจ้างขนของปทุมธานี รถ4ล้อกลางรับจ้างปทุมธานี รถ6ล้อรับจ้างขนของจังหวัดปทุมธานี รถ10ล้อรับจ้างขนของจังหวัดปทุมธานี รถเฮียบรับจ้างขนของจังหวัดปทุมธานี รถเทรลเลอร์รับจ้างขนของจังหวัดปทุมธานี รถรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดปทุมธานี รถรับจ้างขนของทั่วไปจังหวัดปทุมธานี เป็นต้น

ด้วยการบริการรถรับจ้างที่มีให้ครบจบในที่เดียวถือว่าเป็นจุดแข็งของเราในการให้บริการรถรับจ้างที่ผ่านมาเป็นอย่างมากพร้อมทั้งยังมีบริการ คนยกสินค้าไว้บริการ ในกรณีที่ลูกค้าไม่มีคนช่วยยกของขณะทำการขนย้าย หรือว่า เพื่อนที่นัดไว้ป่วยหรือมาไม่ได้ ทำให้ท่านต้องยกสินค้าอยู่คนเดียว ซึ่งถามว่าเกิดขึ้นบ่อยมั้ย ก็มีเกิดขึ้นเช่นกัน แต่เพื่อการป้องกันปัญหาสิ่งนี้จะเกิดขึ้น ทางเราก็มีการจัดคนยกสินค้า ไว้คอยช่วยเหลือท่านหากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้นมา ดังนั้น ถ้าท่านใช้บริการ รถรับจ้างขนของ กับเราท่านจงสบายใจได้เลยแม้กระทั่ง ราคาที่เราคิดรับรองว่าไม่แพง ไม่ต่างจาก รถรับจ้างทั่วไป ที่ให้บริการท่านที่จอดติดป้ายตามท้องถนนที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป หากราคามีความต่างเราก็พร้อมให้ราคาที่เท่ากับเจ้าที่ท่านเช็คมาได้เลย เพราะเรามั่นใจว่าเราไม่แพงกว่าเจ้าอื่นอย่างแน่นอน

อยากใช้บริการรถรับจ้างขนของจังหวัดปทุมธานีที่ไหนดี?ในกรณีที่ท่านจะใช้บริการรถรับจ้างของเรนั้นไม่อยากเลย เรามีหลายหลายช่องทางที่สะดวกไว้ให้บริการท่านทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อผ่านโปรแกรม Chat ผ่าน E-mail ผ่าน Facebook ผ่าน twitter หรือช่องทางอื่นๆ หรือท่านจะติดต่อเข้ามาทางโทรศัพท์ได้เลย เพราะเรามีเจ้าหน้าที่น้องๆ ไว้คอยบริการท่านตลอดทั้งวัน

จุดบริการที่สำคัญในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ได้แก่

รถรับจ้างขนของอำเภอเมืองปทุมธานี

รถรับจ้างขนของอำเภอคลองหลวง

รถรับจ้างขนของอำเภอธัญบุรี

รถรับจ้างขนของอำเภอลำลูกกา

รถรับจ้างขนของอำเภอลาดหลุมแก้ว

รถรับจ้างขนของอำเภอสามโคก

รถรับจ้างขนของอำเภอหนองเสือ

รถรับจ้างขนของแถวรังสิต

รถรับจ้างขนของแถวนวนคร

รถรับจ้างขนของแถวตลาดไท

รถรับจ้างขนของแถวเซียร์รังสิต

รถรับจ้างขนของแถวฟิวเจอร์รังสิต

รถรับจ้างขนของแถวคลอง1-2-3-4

นอกเหนือจากความพร้อมในเรื่องรถ ในด้านพนักงานของเรา เราคัดแล้วคัดอีก เพื่อคัดสรรบุคคลที่มีคุณภาพมาร่วมงาน มีการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ทุกคนจึงเชี่ยวชาญในด้านการทำงานกับรถที่พวกเขารับผิดชอบ อีกทั้งทุกคนต้องมีความพร้อมในด้านร่างกายและจิตใจก่อนออกปฏิบัติงานและทุกคนต้องมีอุปนิสัยที่ดี พูดจาสื่อสารกับลูกค้าได้ดี และต้องมีความซื่อสัตย์ อีกด้วย เพื่อให้ทุกงานจ้างไม่ว่าจะเป็น  รถกระบะรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถเครนรับจ้าง รถเฮียบรับจ้าง รถเทรนเลอร์รับจ้าง รถขนส่งรับจ้าง และรถรับจ้างทั่วไป สามารถดำเนินงานได้อย่างไม่มีติดขัดและเป็นที่พอใจของลูกค้านั่นเอง

เมื่อคิดถึงรถรับจ้างต้อง รถรับจ้างขนของจังหวัดปทุมธานี ของเราเท่านั้น
ปรึกษาเราด้วยราคาที่ไม่แพง ราคาสบายกระเป๋า งานสำเร็จด้วยดี งบไม่บานปลาย ปรึกษาเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง พิเศษ ในกรณีการขนย้ายบ้าน สิ่งของ หากคุณไม่มีคนช่วยขน เรามีคนช่วยยกให้ แล้วท่านไม่ต้องกังวลและคิดมากอะไรทั้งนั้น นอกจากนี้เราก็ยังมีบริการสุดพิเศษ ซึ่งก็คือบริการรถเที่ยวกลับราคาถูก ที่จะทำให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้อีกเยอะเลยทีเดียว

อย่าลืมเมื่อท่านต้องการใช้บริการ รถรับจ้าง โปรดโทรหาเรา เรารับรองว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน และเราจะตั้งใจบริการงาน รถรับจ้างขนของ ให้สมกับที่ท่านไว้วางใจเราให้ดีที่สุด อย่าลืมโทรหาเรานะคะเรามั่นใจว่า คุณจะได้รับการบริการที่ดีเยี่ยม อย่างไม่ผิดหวังแน่นอน เราสัญญาจากใจและการปฏิบัติจริง ขอบคุณลูกค้าทุกท่านด้วยนะคะ

12
เหตุผลที่ควรตรวจสอบมาตรฐานของผ้ากันไฟ

การตรวจสอบมาตรฐานของผ้ากันไฟเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผ้ากันไฟมีคุณภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายจากไฟและสะเก็ดไฟ มาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากไฟไหม้

เหตุผลที่ควรตรวจสอบมาตรฐานของผ้ากันไฟ

ความปลอดภัย: มาตรฐานช่วยให้มั่นใจได้ว่าผ้ากันไฟมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการป้องกันไฟและสะเก็ดไฟ
ประสิทธิภาพ: มาตรฐานกำหนดข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพสำหรับวัสดุและเสื้อผ้าที่ใช้ป้องกันความร้อนและเปลวไฟ
ความน่าเชื่อถือ: การรับรองมาตรฐานช่วยให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบและมีคุณภาพตามที่กำหนด

มาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับผ้ากันไฟ

EN ISO 11612: การป้องกันความร้อนและเปลวไฟ (Heat and flame protection):
มาตรฐานนี้กำหนดข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพสำหรับวัสดุและเสื้อผ้าที่ใช้ป้องกันความร้อนและเปลวไฟ
เป็นการทดสอบการทนต่อความร้อนและการแพร่กระจายของเปลวไฟ

EN ISO 11611: การป้องกันในระหว่างการเชื่อมและการกระบวนการที่เกี่ยวข้อง (Welding and allied processes protection):
มาตรฐานนี้กำหนดข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพสำหรับเสื้อผ้าที่ใช้ป้องกันสะเก็ดไฟและความร้อนในงานเชื่อม

เป็นการทดสอบการทนต่อสะเก็ดไฟและโลหะหลอมเหลว
NFPA 701: วิธีทดสอบมาตรฐานสำหรับความต้านทานเปลวไฟของผ้าม่านและสิ่งทอแนวตั้ง (Standard Methods of Fire Tests for Flame Propagation of Textiles and Films):
มาตรฐานนี้กำหนดข้อกำหนดสำหรับการติดไฟของสิ่งทอและฟิล์มเมื่อสัมผัสกับเปลวไฟ
เป็นการทดสอบการแพร่กระจายของเปลวไฟและเวลาหลังเกิดเปลวไฟ

วิธีการตรวจสอบมาตรฐานของผ้ากันไฟ
ตรวจสอบฉลาก: มองหาฉลากที่ระบุมาตรฐานความปลอดภัยที่ผ้ากันไฟได้รับการรับรอง
ขอเอกสารรับรอง: ขอเอกสารรับรองจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย เพื่อตรวจสอบรายละเอียดของมาตรฐาน
ตรวจสอบเว็บไซต์: ตรวจสอบเว็บไซต์ของผู้ผลิตหรือองค์กรที่ออกใบรับรอง เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับมาตรฐาน

ข้อควรระวัง
ผ้ากันไฟไม่ได้ป้องกันไฟได้ทุกชนิด ควรเลือกใช้ให้เหมาะสม
ผ้ากันไฟเป็นเพียงอุปกรณ์ป้องกันเบื้องต้น ควรมีอุปกรณ์ดับเพลิงอื่นๆ เตรียมพร้อมไว้ด้วย
หากเกิดเหตุไฟไหม้ขนาดใหญ่ ควรรีบอพยพออกจากพื้นที่ และแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทันที

การตรวจสอบมาตรฐานของผ้ากันไฟอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผ้ากันไฟมีประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายจากไฟและสะเก็ดไฟ

13
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


14
บริการด้านอาหาร: อาหารที่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคกระเพาะ

โรคกระเพาะอาหารเป็นโรคสำคัญ และพบได้บ่อยโดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานซึ่งต้องเร่งรีบกับเวลา ทำให้รับประทานอาหารไม่ตรงต่อเวลาส่งผลให้สุขภาพแย่ลงและปัญหาทางสุขภาพที่พบได้บ่อยคือการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะถ้าได้รับการรักษาและดูแลตนเองให้ถูกต้องส่วนใหญ่เป็นแล้วก็จะหาย ดังนั้นผู้ป่วยควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานด้วยวิธีดังต่อไปนี้


1.    ถั่วลิสง วิตามินอีในถั่วลิสงช่วยลดการหลั่งน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร เป็นการลดภาระของกระเพาะ

ถั่วลิสงมีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียมแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก สังกะสี

ถั่วลิสง มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ บรรเทาอาการท้องเสีย


2.    กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีมีวิตามินยูและวิตามินเค ช่วยบำรุงและซ่อมแซมเยื่อบุของกระเพาะอาหารช่วยป้องกันและบรรเทาอาการของโรคกระเพาะทุกประเภท

กะหล่ำปลีมีสารอาหารดังต่อไปนี้ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินซี วิตามินเค วิตามินยู โพแทสเซียม แคลเซียม

กะหล่ำปลี มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ป้องกันมะเร็งลำไส้


3.    กวางตุ้งฮ่องเต้ แคลเซียมในกวางตุ้งฮ่องเต้ช่วยสร้างอุจจาระ ช่วยชดเชยแคลเซียมที่สูญเสียไปขณะท้องเสีย ช่วยบรรเทาอาการท้องเสียเรื้อรัง

กวางตุ้งฮ่องเต้ มีสารอาหารได้แก่ เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก

กวางตุ้งฮ่องเต้ มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยให้แผลในกระเพาะอาหารหายเร็วขึ้น


4.    หัวไช้เท้า หัวไช้เท้าอุดมไปด้วยเอนไซม์ย่อยอาหาร ช่วยย่อยอาหารช่วยบรรเทาอาการปั่นป่วนของกระเพาะและลำไส้ที่เกิดจากกินมากเกินไป

หัวไช้เท้า มีสารอาหารดังต่อไปนี้ เส้นใยอาหาร วิตามินซี โพแทสเซียม แคลเซียม

หัวไชเท้า มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ชดเชยโพแทสเซียมที่สูญเสียไป ขณะท้องเสีย ลดแก๊สในกระเพาะอาหาร


5.    ฮ่วยซัว มิวโคโปรตีนในฮ่วยซัวช่วยปกป้องเยื่อเมือกและ ผนังกระเพาะอาหาร

ฮ่วยซัวมีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี  วิตามินเค โพแทสเซียม

ฮ่วยซัว มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ บำรุงกระเพาะอาหารและลำไส้ทำให้มีเรี่ยวแรงจากอาการท้องเสีย


6    หอมหัวใหญ่ สาเมอร์แคปแทน(mercaptan) ที่อยู่ในหอมหัวใหญ่จะช่วยบำรุงรักษา เยื่อบุกระเพาะอาหาร ปรับสภาพของกระเพาะอาหารมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคกระเพาะ

หอมหัวใหญ่มีสารอาหารดังต่อไปนี้ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม ซีลีเนียม การประกอบซัลเฟอร์ สารฟลาโวนอยด์

หอมหัวใหญ่ มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ชดเชยแคลเซียมที่สูญเสียไปในขณะท้องเสีย


7.    ว่านหางจระเข้ ของเหลวในว่านหางจระเข้จะห่อหุ้มเยื่อบุกระเพาะอาหารที่เป็นแผลเอาไว้ บรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหาร

ว่านหางจระเข้มีสารอาหารดังต่อไปนี้ เส้นใยอาหาร วิตามินเอ กรดนิโคทินิก (วิตามินบี3) โพแทสเซียมแคลเซียม ธาตุเหล็ก

ว่านหางจระเข้ มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ว่านหางจระเข้ในวุ้นใส ออกฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และมีสารกลุ่มแอนทราควิโนนออกฤทธิ์เพิ่มการบีบตัวของลำไส้ลดอาการท้องผูกได้มีฤทธิ์ในการสมานแผลรักษาอาการผิวหนังอักเสบที่เกิดจากการฉายรังสี


8.    มะม่วงวิตามินเอในมะม่วงช่วยรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร

มะม่วงมีสารอาหารดังต่อไปนี้ คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินเอ วิตามินบี6 วิตามินซี โฟเลต  กรดนิโคทินิก (วิตามินบี 3) โพแทสเซียม

มะม่วงมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ รักษาโรคแผลในกระเพาะอาหาร


9.    ถั่วลิสง อาการท้องเสียมักทำให้ปริมาณโพแทสเซียมในร่างกายไม่เพียงพอ แก้ได้โดยการกินถั่วลิสงที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม เพื่อรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย

ถั่วลิสงมีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามินกลุ่มบี โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก

ถั่วลิสงมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ชดเชยแคลเซียมที่สูญไปขณะท้องเสีย


10.    ปลาทูน่า ปลาทูน่าอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร มีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร

ปลาทูน่ามีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน กรดไขมันโอเมกา3  วิตามินกลุ่มบี วิตามินอี โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก ซีลีเนียม

ปลาทูน่ามีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ชดเชย โพแทสเซียมที่สูญเสียไปขณะท้องเสีย

อาหาร คือสิ่งสำคัญควรเอาใจใส่ในเรื่องการเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยเฉพาะอาหาร 10 ชนิดที่กล่าวข้างต้น และรับประทานอาหารให้ตรงต่อเวลา หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของมันของทอด หลีกเลี่ยงการเข้านอนหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ การงดดื่มแอลกอฮอล์ การงดสูบบุหรี่  และหมั่นการออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมน้ำหนักทั้งหมดนี้คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อเป็นการรักษาสำคัญที่ทำให้โอกาสหายขาดจากโรคกระเพาะอาหารได้

15
เด็กฟันขากรรไกรยื่นจัดฟันเด็กได้ไหม
 
เด็กหลายคนมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน เนื่องจากพฤติกรรมต่างๆเช่น การรับประทานอาหาร การแปรงฟันไม่สะอาด หรือแม้กระทั่งพฤติกรรมในวัยเด็ก อย่างการดูดนิ้ว ดูดขวดนม แต่ปัญหาฟันในบุตรหลานของท่าน สามารถแก้ไขได้เมื่อปัญหานั้นๆ ถูกตรวจพบแต่เนิ่นๆ ในเด็กเล็กอายุไม่เกิน 10 ปี หากเราสามารถตรวจพบความผิดปกติของฟัน ซึ่งอาจเกิดจากการเจริญเติบโตของขากรรไกรที่ผิดปกติ พฤติกรรมการกิน การกลืน และการใช้ฟันผิดหน้าที่ของเด็ก ทันตแพทย์จะสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้


ถ้าหากปล่อยให้ปัญหาดำเนินต่อไป โดยไม่ได้รับการรักษา จนเด็กคนนั้นเติบโตหรือมีพัฒนาการที่โตขึ้น ร่างกายเจริญเติบโตขึ้น การแก้ไขปัญหาจะไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายๆ อาจจะมีความซับซ้อนมากกว่า และอาจต้องมีการผ่าตัด หรือแก้ไขปัญหาข้อต่อขากรรไกรที่เสื่อมสภาพลงด้วย สำหรับวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของการเกิดปัญหาขากรรไกรยื่น และอยากที่จะเข้ารับการจัดฟัน


ซึ่งพ่อแม่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าปัญหาฟันของเด็กแบบไหนที่เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และวันนี้ทางคลินิกมีเคสของปัญหาขากรรไกรยื่นมาพูดถึงในแง่มุมของการจัดฟันในเด็ก ซึ่งให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้เป้นแนวทางในการแก้ไขปัญหาฟัน เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีฟันที่เรียงตัวสวยงาม และมีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ เสริมสร้างบุคลิกภาพให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
 
สำหรับการเกิดภาวะขากรรไกรยื่นหลายคนสงสัยว่า จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการจัดฟันในเด็กได้หรือไม่ ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงเรื่องของความผิดปกติดังกล่าวในเด็กต้องบอกว่า เด็กที่มีปัญหาดังกล่าวนี้ เหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพราะถ้าหากปล่อยไว้และไปแก้ไขตอนโตอาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัดขากรรไกร ร่วมกับการจัดฟัน เพราะการจัดฟันทั้งก่อนผ่าตัดหรือหลังผ่าตัดขากรรไกร


สามารถช่วยแก้ไขความผิดปกติของตำแหน่งของฟันบน และขากรรไกรได้ ทั้งตำแหน่งการเรียงตัวฟันหน้า ฟันหลัง การสบฟันให้เหมาะสม มีส่วนช่วยแก้ไขและปรับปรุงโครงหน้าที่ผิดปกติ แก้ปัญหาการสบฟันให้มีความถูกต้องเหมาะสม เพื่อการเคี้ยวให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้สามารถออกเสียงได้ดีขึ้น ที่สำคัญยังแก้ไขถึงความผิดปกติของรูปหน้าอีกด้วย ทำให้มีใบหน้ามีความสวยงามมากยิ่งขึ้น


ดังนั้น ในแง่ของการจัดฟันในเด็ก ถ้าหากเด็กมีปัญหาขากรรไกรยื่น ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ทันที อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็ก สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี เนื่องจากการสบฟันที่ผิดปกติบางอย่าง สามารถแก้ไขได้ หากตรวจพบเมื่อเด็กอายุยังน้อย นอกเหนือจากเรื่องความสวยงาม การเรียงตัวของฟันที่ดีแล้ว

การจัดฟัน ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือเมื่อมีฟันเรียงสวย ไม่ซ้อนเก เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น สะอาดขึ้น ซึ่งระเบียบวินัยเรื่องความสะอาดในช่องปาก ถือเป็นสุขอนามัยพื้นฐาน ที่จะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิตนั่นเอง ทั้งนี้ การสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับกรดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันของเด็กก็มีความสำคัญไม่น้อย พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างความเข้าใจให้เด็กได้เรียนรู้วิธีการดูลักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะได้เข้าใจและทำความสะอาดฟันอย่างถูกต้อง ลดโอกาสการเกิดฟันผุและการเกิดปัญหาอื่นๆเกี่ยวกับช่องปากและฟันด้วย


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีระสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะทางคลินิกของเรา อยากให้เด็กไทยทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการที่ดีตามไปด้วย และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ และมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้นด้วย

หน้า: [1] 2 3 ... 43